แดง ไบเล่ย์
แดง ไบเล่ย์ มีชื่อจริงว่า บัญชา สีสุกใส เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2483 ที่ตรอกสลักหิน หรือที่นิยมเรียกว่า ตรอกใบเล่ (เป็นที่ตั้งโรงงานผลิตเครื่องดื่มน้ำหวานไบเล่) ข้างหัวลำโพง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยเป็นลูกของนางโฉมเจ้าของร้านซักอบรีดและห้องเช่าในย่านนั้น โดยพ่อเสียชีวิตไปก่อนที่แดงจะเกิด
แดงเมื่อเติบโตเป็นวัยรุ่นเป็นหัวโจกของบรรดาวันรุ่นทั้งหลายในยุคนั้น จนมีชื่อเสียงโด่งดังว่า แดง ไบเล่ย์ เนื่องด้วยบรรดานักเลงอันธพาลในยุคก่อน พ.ศ. 2500 นั้นล้วนแต่มีชื่อเรียกขานต่างๆเช่น พจน์ เจริญพาศน์, พัน วังหลัง, ปุ๊ ระเบิดขวด, ดำ เอสโซ่, แหลมสิงห์, จ๊อด เฮาดี้, แอ๊ด เสือเผ่น, เบ้น เนอร์, พล ตรอกทวาย, เหลา สวนมะลิ เป็นต้น แต่ แดง ไบเล่ ถือเป็นขวัญใจของเหล่าวัยรุ่นตัวจริง เนื่องจากเป็นบุคคลหน้าตาดี กล่าวกันว่า แดง ไบเล่ สามารถกอดคอกับ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในยุคนั้นได้เลยทีเดียว
ส่วนเรื่องราวชีวิตจริงของ แดง ไบเล่ย์ ที่ต่างจากภาพยนต์ก็คือ แดง ไบเล่ย์ ตัวจริงไม่เคยฆ่าคน ไม่ใช่โจร เป็นเพียงนักเลงวัยรุ่นธรรมดา ส่วนในภาพยนต์ที่บอกว่า แดง ไบเล่ย์ ชอบดื่มเหล้านั้นจริงๆแล้วไม่เคยมีใครเห็น แดง ไบเล่ย์ ดื่มเหล้าเลยสักคน แถม แดง ไบเล่ย์ ยังชื่นชออบ "มิล์คเชค" ที่สุดอีกต่างหาก
แดง ไบเล่ย์ เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2507 ด้วยวัยเพียง 24 ปี ด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำขณะเดินทางไปชลบุรีเพื่อเป็นลูกน้องของผู้มีอิทธิพลรายหนึ่งที่นั่น
ปุ๊ ระเบิดขวด
ปุ๊ ระเบิดขวด มีชื่อจริงว่า นายจำเริญ บุญยดิษฐ์ เป็นนักเรียนโรงเรียนศิริศาสตร์ สีย่าน กทม. มีฉายาเดิมว่า "ปุ๊ ตรอกสาเก"เคยเป็นเพื่อนรักกับ แดง ไบเล่ย์ บู๊เก่งดุดัน ตอนศึก 13 ห้างบางลำพูคนที่ตีกับแดงคือ ปุ๊ กรุงเกษม ไม่ใช่ปุ๊ ระเบิดขวด เพราะตอนนั้นเขายังรักกันดีอยู่ สุดท้ายต้องจบชีวิตเพราะถูก ดำ เอสโซ่ยิงตาย
ปุ๊ ระเบิดขวด ฉายาที่ได้มาทั้งๆที่ไม่เคยใช้ระเบิดขวดเลยสักครั้งในชีวิต
หนังสือพิมพ์รายวันต่างพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเสนอข่าวกันอย่างอึกทึกครึกโครมทุกฉบับ รายงานข่าวละเอียดยิบเกี่ยวกับกรณี วัยรุ่นสองกลุ่มก่อเหตุรุนแรงขั้นจราจลเข้าประจัญบานกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านที่สะพานขาวและปิดท้ายด้วยระเบิดขวดซึ่งสำแดงอานุภาพร้ายกาจ และขาดไม่ได้ก็คือภาพถ่ายของบรรดาเด็กหนุ่มคะนองเลือดที่จนมุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ มันถูกตีพิมพ์หราปรากฎโฉมหน้าเป็นที่รู้จักไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปุ๊ ตรอกสาเก หรือชื่อจริงตามทะเบียนสำมะโนครัวว่า จำเริญ บุญยดิษฐ์ ในฐานะที่เป็นหัวโจกนำขบวนนักบู้ฝ่ายรุก แม้จะไม่ใช่คนใช้ระเบิดร้ายแรงถล่มคู่อริ แต่เขาก็ได้ฉายาใหม่จากหนังสือพิมพ์แทนของเดิม นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาไม่ว่าฉบับใดก็เรียกเขาด้วยฉายาเดียวกันว่า "ปุ๊ ระเบิดขวด" และมันก็กลายเป็นฉายาติดตัวจนกระทั่งวาระสุดท้ายทั้งๆที่ปุ๊ไม่เคยใช้ระเบิดขวดแม้แต่ครั้งเดียว
ดำ เอสโซ่
ดำ เอสโซ่ มือขวาของ ปุ๊ ระเบิดขวด เป็นคนที่เรียกว่ารักพวกพ้องมากๆ เป็นนักเลงคุมซ่องย่านสวนมะลิก่อนจะมารู้จักกับปุ๊ พูดน้อย ต่อยหนัก ฉายา "ผู้เงียบขรึม" หลังจากออกจากคุกพร้อมปุ๊ ระเบิดขวด ก็ร่วมกันเปิดซ่องพร้อมกับเพื่อนสนิทคนอื่นๆ แต่ปุ๊เกิดผิดใจกับเพื่อนของดำจึงยิงใส่เพื่อนของดำ ดำจึงยิงปุ๊ตายหลังจากนั้นเจ้าตัวก็โดนอริยิงจนพิการและตายไป
ปุ๊ กรุงเกษม
ปุ๊ กรุงเกษม มีชื่อจริงว่า บรรเจิด กฤษณายุทธ ปัจจุบันยังคงมีชีวิตอยู่ เป็นตำนานมีชีวิตและเป็นสามีของคุณแหวน ฐิติมา นักเลงดังจากฝั่งธนฯ คนนี้แหละที่ตีกับพวกของแดง ไบเล่ย์ในศึก 13 ห้างบางลำพู และแต่งหนังสือชื่อ "เดินอย่างปุ๊" ซึ่งบอกเล่าเรื่องเท็จจริงของนักเลงยุคหลังวังทั้งหมด
แหลมสิงห์
แหลมสิงห์ ไม่เชิงวัยรุ่นเสียทีเดียว เป็นผู้คุมในเรือนจำแต่มาเที่ยวผู้หญิงที่บ้านของแดงบ่อยๆ ก็เลยสนิทกับแม่ของแดง (และทีบอกว่าแม่ของแดง ไบเล่ย์ เป็นโสเภณี แต่เรื่องจริงแม่เขาทำงานบ้านในบ้านของโสเภณีเท่านั้น ในหนังเขาทำเอามาสร้างเรื่องผิดพลาดจนกลายเป็นชีวิตของมาเฟียไป) แม่ของแดงเลยฝากฝังแดงให้แหลมสิงห์ดูแล แหลมสิงห์จึงรักแดงเหมือนน้องแท้ๆ และก็ไม่ได้ตายในงานบวชของแดงเหมือนในหนัง แต่ตายเพราถูกปุ๊ ระเบิดขวดกับดำ เอสโซ่ ตามมาคิดบัญชีเพราะโดนแหลมสิงห์นวดจนน่วมตอนที่ติดคุก
จ๊อด เฮาดี้
จ๊อด เฮาดี้ เป็นเพื่อนซี้ของแดง ไบเล่ย์ ที่ได้ฉายาว่าเฮาดี้เพราะสมัยนั้นน้ำอัดลมไบเล่ย์จะคู่กับเฮาดี้ เป็นนักเลงระดับแถวหน้าในยุคนั้นเช่นกัน ปัจจุบันก็ยังคงมีชีวิตอยู่และเป็นศิษย์เก่าช่างกลปทุมวัน
เปี๊ยก วิสุทธิ์กษัตริย์
สุริยัน ศักดิ์ไธสง หรือ "เปี๊ยก วิสุทธิ์กษัตริย์" มีชื่อจริงว่า “ถาวร ภู่ประเสริฐ” เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2481 ที่ กรุงเทพมหานคร เคยศึกษาอยู่โรงเรียนช่างกลปทุมวัน มารดาเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก และบิดาชื่อ "นายผาด" หลังจากนายผาดพ้นโทษจากเรือนจำบางขวางแล้ว สุริยัน ศักดิ์ไธสง หรือ "เปี๊ยก" จึงได้ย้ายจากนนทบุรีมาอยู่กับบิดาที่บ้านพานถม ระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนช่างกลปทุมวัน กลุ่มเพื่อนในระแวกนั้นที่เติบโตมาพร้อมๆกับเขามี "แดง ไบเล่" "ปุ๊ ระเบิดขวด" "ดำ เอสโซ่" "แหลมสิงห์" "พล ตรอกทวาย" "พัน หลังวัง" "จบ หลังวัง" "เก๊าตี๋" เมื่อการเรียนไม่สามารถตอบโจทย์ของชีวิตเขาได้ จึงเบนเข็มทิศชีวิตด้วยปณิธานของตน "จะเอาดีในหนทางชั่ว" หลังถูกไล่ออกจากโรงเรียนแล้ว เมื่อ พ.ศ.2500 เกิดการปฏิวัตรัฐประหารจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กลุ่มบุคคลเช่นพวกเขา ก็ถูกทางการหมายหัวไปตามๆกัน ก็ต่างแยกย้ายกระจัดกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ อาทิเช่น "นิตย์ บางลำภู" "ล้อ วงเวียน22" "ชัยโพธิ์สามต้น" "ขาว เฉลิมเขตร" "ยูร อินทรี" "สุมาอี้" "เก๊าตี๋" "โอเหล่" "แอ๊ด เสือเผ่น"
หลังจากร่วมทำธุรกิจเถื่อนกับหมู่เชียร(อดีตตำรวจรถถัง) ที่นิวแลนด์ อู่ตะเภาได้ไม่นาน หมู่เชียรก็ถูกฝ่ายตรงข้ามยิงเสียชีวิต หลังจากงานศพ ทั้งเขาและแดงกับกลุ่มเพื่อนๆ ก็ถูก"ผู้ใหญ่เต็ก" นายทุนใหญ่จากแดนใต้ชักชวนเขามาทำธุรกิจเถื่อนกันอีกครั้ง
ชลบุรีขณะนั้นมีเหตุอาชญากรรมเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จึงถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกวาดล้างอีกครั้ง และจำต้องแยกย้ายเปลี่ยนที่อยู่อาศัยกันอีก เขาเลือกที่จะกลับไปเยี่ยมหลวงพ่อผู้เป็นบิดาที่วัดปรินายก และถูกเจ้าหน้าทีตำรวจจับกุม
ขณะที่เขาถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำลาดยาวนั้น ก็ได้พบปะเพื่อนฝูงหรือพี่ในวงการนักเลงไม่น้อย (ส่วนหนึ่งจากหนังสือขังเดียวและเส้นทางมาเฟียเขียนโดยสุริยัน ศักดิ์ไธสง)
สุริยัน ศักดิ์ไธสง เสียชีวิตลงด้วยโรคตับแข็งและมะเร็งร่วมด้วย เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2547
พจน์ ช่างกล เป็นนักเลงรุ่นใหญ่จากช่างกลพระนครเหนือที่ฝั่งธนฯ เป็นที่เคารพเกรงใจของพวกรุ่นน้องอย่าง แดง ไบเล่ย์พอสมควร
ปวาฬ หรือจ่าวาฬเป็นนักเลงรุ่นใหญ่กว่าพวกของแดง ไบเล่ย์ ซึ่งปุ๊ ระเบิดขวดเคยไปลูบคมครั้งนึงเลยโดนลูกน้องของจ่าวาฬไล่ยิงเอาแต่รอดมาได้ นักเลงในรุ่นนี้เท่าที่ทราบจะมี เกชา เปลี่ยนวิถี และ ธาดา สู้ทุกทิศ
นี่คือส่วนนึงของนักเลงในยุค พ.ศ. 2499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น